เมนู

ก็พึงถือเอานิมิตทั้งหลาย นำกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตออกไป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
เห็นเหตุนั้น จึงตรัสอย่างนี้.

ว่าด้วยเขตแดน และอารมณ์ของอกุศลวิตก


พึงทราบเขตแดน และ อารมณ์ของวิตกเหล่านี้ คือ :-
วิตกที่ประกอบด้วย ฉันทะ
วิตกที่สหรคตด้วย ฉันทะ
วิตกที่สัมปยุตด้วย ราคะ
ในสามอย่างนั้น จิตอันสหรคตด้วยโลภะ 8 ดวง เป็นเขตแดนของ
วิตกที่ประกอบด้วยฉันทะ จิตที่สหรคตด้วยโทสะ 2 ดวง เป็นเขตแดนของ
วิตกที่ประกอบด้วยโทสะ อกุศลจิต 12 ดวง เป็นเขตแดนของวิตกที่ประกอบ
ด้วยโมหะ. แต่ว่าจิตที่สัมปยุตด้วยวิจิกิจฉาและอุทธัจจะ เป็นเขตแดนเฉพาะ
บุคคลผู้มีวิตกอันสัมปยุตด้วยวิจิกิจฉาและอุทธัจจะเท่านั้น. สัตว์ทั้งหลายและ
สังขารทั้งหลาย แม้ทั้งหมด ก็เป็นอารมณ์ของวิตกได้ทั้งนั้น เพราะว่า เมื่อ
ภิกษุไม่เพ่งดูอารมณ์ที่ชอบและที่ไม่ชอบแล้ว วิตกในสัตว์และสังขารเหล่านั้น
ก็ไม่เกิดขึ้น.

ว่าด้วยมนสิการนิมิตอื่น ๆ


คำว่า ภิกษุนั้น ควรมนสิการนิมิตอื่นอันประกอบด้วยกุศล
ได้แก่ ควรมนสิการนิมิตอันอาศัยกุศลอื่น โดยเว้นจากอกุศลนิมิตนั้น.
ในข้อนั้น ชื่อว่า นิมิตอื่น คือเมื่อวิตกประถอบด้วยฉันทะเกิดขึ้นใน
สัตว์ทั้งหลาย การเจริญอสุภะ (อสุภสัญญา) ชื่อว่า นิมิตอื่น เมื่อวิตกเกิด
ขึ้นพอใจในสังขารทั้งหลาย (มีจีวรเป็นต้น ) มนสิการถึงความเป็นของไม่เที่ยง
(อนิจจสัญญา) ชื่อว่า นิมิตอื่น. ก็เมื่อวิตกประกอบด้วยโทสะในสัตว์ทั้งหลาย
เกิดขึ้น การเจริญเมตตา ชื่อว่า นิมิตอื่น. เมื่อวิตกในสังขารทั้งหลายเกิดขึ้น